วันพฤหัสบดีที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2557

แทร็ก 1/11




พระอาจารย์

1/11 (25530310D)

(แทร็กชุดต่อเนื่อง)

10 มีนาคม 2553




(หมายเหตุ : ผู้ถามในส่วนนี้เป็นภิกษุ จึงใช้หน้าคำสนทนาด้านล่างว่า "ถาม" ค่ะ)

พระอาจารย์ –   ให้รู้อยู่ที่ใจ...ว่ามันเป็นอาการนึงของการเจริญทางด้านสติ แล้วมีการใส่เจตนา ตั้งใจมาก  หรือว่าเจตนาลักษณะนี้ สติมันไม่เป็นกลาง 

มันมุ่ง มันมีเป้า และให้ค่ากับเป้านั้นๆ แล้วก็พยายามรู้ แล้วก็ดึงกลับมารู้ ดึงกลับมารู้ๆ สติมันจะรวมลงเป็นดวงจิตผู้รู้  แต่นี่จิตมันมีการน้อมนำไป เข้าไปทำที่รู้ ...ถ้าไปอยู่ตรงนั้นก็เป็นสมถะ มันจะไม่มีอารมณ์


ถาม –  ครับ ประมาณอย่างนั้น เหมือนกับมันนุ่ม นิ่ง

พระอาจารย์ –  แล้วเราค่อนข้างชอบ เพราะว่ามันสบาย


ถาม –  ครับ สบาย ... แต่ก็มาเอะใจว่ามันแปลกๆ แน๊ อะไรอย่างนี้ครับ

พระอาจารย์ –  ก็ดีแล้วที่ยังเอะใจ ... แต่บอกแล้วว่า เหตุปัจจัยมันก็พาให้ไม่อยู่อย่างนั้นหรอก ...โอ้ย สมัยก่อนนี้ ผมอยู่ได้...ดวงจิตผู้รู้นี่ ผมอยู่ได้เป็นอัตโนมัติเลย ไม่มีกระดิก ทุกอิริยาบถไม่หายไปไหนเลย  แล้วก็เป็นอัตโนมัติ 

สำเร็จเลยแหละ...สำเร็จในความเห็นเลยล่ะ เพราะว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้เลย ไม่มีอะไรแม้แต่รูปและนามเกิดขึ้นได้เลย


ถาม –  โห ถ้าผมเจอ คงน่ากลัวนะนี่

พระอาจารย์ –  ก็ไม่น่ากลัวหรอก  เพราะว่าสุดท้ายแล้วมันก็...แค่นั้นแหละ  มันจะไม่มีอะไรคงอยู่ แค่นั้นเอง แต่จะยอมรับในความไม่คงอยู่ของมันได้รึเปล่า  

ถ้าไม่เท่าทัน ไม่เข้าใจ  ก็ดื้อรั้นดันทุรังทำต่อ ด้วยความไม่เข้าใจ  มันก็ซ้ำซากอยู่อย่างนั้น ไม่ไปไหน ... เพราะได้มาก็หมดไปๆ มันไม่มีอะไรคงอยู่  แต่ด้วยความว่าถ้าไม่เข้าใจ มันก็ไปเข้าใจว่า นี่คือจุดที่สุด 

ซึ่งถ้าเป็นนิพพานแล้วไม่มีออก และก็ไม่มีเข้า  เข้าแล้วไม่มีออก ออกแล้วไม่มีเข้า เข้าใจมั้ย  ถ้ายังออกๆ เข้าๆ ไม่เรียกว่าใช่

แต่ถ้ายังดันทุรังนี่ก็โง่เต็มทีแล้ว  มันต้องปรับแล้ว ปัญญามันก็ต้องทบทวนแล้วว่าคืออะไร  มันก็มีการสอดส่ายหาเหตุปัจจัย อะไรคืออะไร อะไรเป็นปัจจัยให้เกิดอาการนี้ มันดับไปเพราะเหตุปัจจัยไหน มันตั้งไม่ได้เพราะอะไร นี่ มันก็จะเข้าใจ แล้วก็คลายออก

ก็กลับมาเป็นโง่ๆ เซ่อๆ อย่างนี้  ...กลับมาโง่ๆ เซ่อๆ  รู้บ้างไม่รู้บ้าง  มีอารมณ์ตรงนั้น เดี๋ยวก็ดีใจ เดี๋ยวก็เสียใจ เดี๋ยวก็ได้ดั่งใจ เดี๋ยวก็ไม่ได้ดั่งใจ ...อย่าไปหนีมัน


ถาม –  ครับ ตอนนี้ก็เริ่มรู้สึกบ้างแล้วว่าไม่ได้ดั่งใจเลย  ทำไมต้องรีบกลับ รู้สึกมันไม่ได้ดั่งใจ

พระอาจารย์ –  ต้องยอมรับ เห็นมั้ย บอกแล้วว่ามันควบคุมไม่ได้ ... ปัจจัยภายในก็ควบคุมไม่ได้ ปัจจัยภายนอกก็ควบคุมไม่ได้  ไม่อยากไปก็ต้องไป อยากไปก็ไม่ได้ไป ...อะไรทุกอย่างเราต้องเรียนรู้แล้วก็ยอมรับมัน 

แล้วก็ให้ดู ...อะไรเกิดขึ้นให้กลับมาปรารภที่ใจ...สังเกตดู  ไปก็ไป มาก็มา แต่ให้สังเกตดู ปรารภที่ใจ ที่มันพอใจหรือไม่พอใจ  แล้วก็จะเห็นว่าเดี๋ยวมันก็เปลี่ยน ไอ้นั่นก็เปลี่ยน ไอ้นี่ก็เปลี่ยน เอาแน่ไม่ได้  อารมณ์ ความพอใจ ไม่พอใจ มันก็ปรับเปลี่ยนไป

สุดท้ายที่ไม่เปลี่ยน...คือรู้  อะไรก็รู้ ใช่ป่าว รู้เท่ากัน  จะพอใจก็รู้ ไม่พอใจก็รู้เท่าเก่า นี่ ตัวนี้ต่างหากที่ไม่เปลี่ยนเลย ไม่เกิดแล้วก็ไม่ดับ ...แต่นอกนั้นยังเกิดและดับ แปรปรวน ตกอยู่ภายใต้เงื่อนไขของไตรลักษณ์ 

แต่ถ้ารู้เฉยๆ รู้อยู่อย่างเดียว อะไรเกิดขึ้นก็รู้  รู้ๆๆ อย่างนี้  รู้และเห็นอยู่ๆ  ตรงนี้ไม่เปลี่ยน มันมี และมันไม่อยู่ที่ไหนด้วย ไม่ได้อยู่ตรงนี้ ไม่ได้อยู่ที่ภายในกายหรือว่ากลางอยู่ตรงนี้  มันรู้ทั้งหมด เอาแค่นี้  มันไม่มีที่ตั้ง มันไม่มีที่หมาย ...ตรงนั้นถึงจะเรียกว่ารู้ที่ไม่เกิดไม่ดับ ถึงจะเรียกว่าเป็นใจรู้...รู้ใจ

(หมายเหตุ : ตัดช่วงหลังจากนี้ที่เป็นการสนทนาเรื่องทั่วไป ...จึงขอจบชุดแทร็กนี้ตรงนี้ค่ะ)



………………………




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น